ในงานวิดีโอและการผลิตภาพยนตร์ คำว่า “Take” (ในภาษาไทยใช้คำว่า “เทค”) เป็นคำที่ใช้ในการอธิบายถึงการบันทึกภาพในแต่ละครั้งของฉากหรือช็อตหนึ่งๆ โดยปกติการถ่ายทำฉากหนึ่งมักจะมีการบันทึกภาพหลายเทค เพื่อให้ผู้กำกับหรือทีมงานได้เลือกภาพที่ดีที่สุดหรือภาพที่เหมาะสมกับเรื่องราวมากที่สุด
ความหมายของ “Take” (เทค)
“Take” หมายถึงการบันทึกภาพในช่วงเวลาที่กล้องเริ่มทำงานจนกระทั่งหยุดทำงานในการถ่ายทำครั้งหนึ่ง คำนี้มีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับกระบวนการถ่ายทำภาพยนตร์และวิดีโอ และเป็นคำสำคัญที่ทีมงานต้องเข้าใจและใช้ร่วมกันในทุกขั้นตอนของการถ่ายทำ
ตัวอย่างเช่น หากต้องการถ่ายฉากที่ตัวละครเดินผ่านประตู ทีมงานอาจต้องบันทึกภาพหลายเทค เช่น เทคแรกอาจจะมีข้อผิดพลาดจากการแสดง เทคที่สองกล้องอาจจับภาพไม่สมบูรณ์ หรือเทคที่สามอาจเป็นเทคที่ดีที่สุดที่ทีมงานเลือกใช้ในขั้นตอนตัดต่อ
การใช้งาน “Take” ในกระบวนการถ่ายทำ
- การนับเทค
เมื่อเริ่มการถ่ายทำ ทีมงานมักจะใช้การนับเทค เช่น “Take 1,” “Take 2,” หรือ “Take 3” เพื่อบันทึกจำนวนครั้งที่ได้ถ่ายฉากนั้นๆ การนับเทคช่วยให้ทีมงานสามารถติดตามและจัดการกับฟุตเทจได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะในขั้นตอนหลังการถ่ายทำ (Post-production) ที่ต้องเลือกภาพที่ดีที่สุด - การปรับปรุงเทค
แต่ละเทคที่ถ่ายทำมักจะเป็นโอกาสในการปรับปรุงรายละเอียด เช่น การแสดงของนักแสดง มุมกล้อง หรือแสงและเงา ซึ่งการปรับปรุงในแต่ละเทคจะทำให้ฉากนั้นสมบูรณ์ยิ่งขึ้น - ความสำคัญของเทคที่ดีที่สุด (Best Take)
เทคที่ดีที่สุดมักเป็นสิ่งที่ผู้กำกับหรือทีมงานเลือกใช้ในกระบวนการตัดต่อ เพื่อสร้างความต่อเนื่องและอารมณ์ที่สอดคล้องกับเรื่องราว ซึ่งในบางครั้งอาจไม่ใช่เทคสุดท้าย แต่เป็นเทคที่มีความเหมาะสมที่สุดจากการถ่ายทำทั้งหมด
องค์ประกอบของ “Take”
ในการถ่ายทำแต่ละเทค มีองค์ประกอบหลายอย่างที่ต้องคำนึงถึง:
- การแสดงของนักแสดง: นักแสดงต้องแสดงบทบาทและอารมณ์ตามที่กำหนดไว้ หากมีข้อผิดพลาด เช่น การลืมบทหรือแสดงไม่ตรงกับอารมณ์ที่ต้องการ อาจต้องถ่ายใหม่
- การตั้งค่ากล้อง: มุมกล้อง การโฟกัส และการเคลื่อนไหวต้องสมบูรณ์
- เสียง: การบันทึกเสียงต้องไม่มีเสียงรบกวนที่ไม่พึงประสงค์
- แสง: แสงต้องเหมาะสมและสอดคล้องกับบรรยากาศของฉาก
- ความต่อเนื่อง (Continuity): รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เช่น ตำแหน่งของวัตถุหรือการเคลื่อนไหวของนักแสดง ต้องสอดคล้องกับเทคก่อนหน้า
ประเภทของ “Take”
“Take” สามารถแบ่งออกได้หลายประเภท ขึ้นอยู่กับสถานการณ์การถ่ายทำ:
- Master Take: เป็นเทคหลักที่ครอบคลุมทุกการเคลื่อนไหวในฉาก เพื่อให้สามารถใช้งานในกระบวนการตัดต่อได้อย่างอิสระ
- Close-Up Take: เน้นรายละเอียดเฉพาะ เช่น ใบหน้าของนักแสดงหรือวัตถุสำคัญในฉาก
- Alternate Take: เป็นการบันทึกเพิ่มเติมเพื่อให้มีตัวเลือกที่หลากหลายในขั้นตอนการตัดต่อ
“Take” กับคำที่เกี่ยวข้อง
- Scene (ฉาก): หมายถึงส่วนหนึ่งของเรื่องราวที่มีความต่อเนื่องและอาจประกอบด้วยหลายเทค
- Shot (ช็อต): หมายถึงการบันทึกภาพต่อเนื่องในครั้งเดียว ซึ่ง “Take” เป็นการบันทึกภาพหลายครั้งของช็อตเดียวกัน
- Cut (คัต): คำที่ใช้ในการหยุดบันทึกภาพในแต่ละเทค ผู้กำกับมักจะพูดคำนี้เพื่อบอกให้ทีมงานและนักแสดงหยุดการแสดงหรือการถ่ายทำ
การจัดการ “Take” ในขั้นตอน Post-production
หลังจากการถ่ายทำ ทีมงานตัดต่อจะได้รับฟุตเทจทั้งหมดที่ประกอบด้วยหลายเทคในแต่ละฉาก หน้าที่ของพวกเขาคือการเลือกเทคที่ดีที่สุดและนำมาประกอบกับเทคอื่นๆ เพื่อสร้างความต่อเนื่องของเรื่องราว
ในกระบวนการนี้ การจัดระเบียบเทคมีความสำคัญอย่างมาก โดยทีมงานมักจะทำ “Slate” หรือบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับแต่ละเทค เช่น หมายเลขช็อตและหมายเลขเทค เพื่อให้ง่ายต่อการค้นหาและเลือกใช้ในภายหลัง