videoeditorprogram-stars

ประสบการณ์กว่า 15 ปีในวงการตัดต่อวิดีโอ

การแปลงรหัส (Transcode) คืออะไร?

Kristian Ole Rørbye

โดย Kristian Ole Rørbye

อัตรา

การแปลงรหัส (Transcode) หรือในภาษาไทยที่เรียกว่า การแปลงรูปแบบสัญญาณดิจิทัล เป็นกระบวนการที่ใช้เพื่อแปลงไฟล์วิดีโอหรือไฟล์เสียงจากรูปแบบหนึ่งไปยังอีกรูปแบบหนึ่ง โดยกระบวนการนี้มักถูกใช้ในงานด้านการตัดต่อวิดีโอ การผลิตสื่อ หรือการสตรีมมิง (Streaming) เพื่อให้ไฟล์มีความเข้ากันได้กับแพลตฟอร์มหรืออุปกรณ์ที่แตกต่างกัน เช่น คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ หรือบริการสตรีมมิงออนไลน์ เช่น YouTube และ Netflix

ทำไมต้องมีการแปลงรหัส?

กระบวนการแปลงรหัสเป็นสิ่งจำเป็นเมื่อไฟล์มัลติมีเดียต้นฉบับไม่สามารถใช้งานได้กับอุปกรณ์หรือซอฟต์แวร์ที่ต้องการใช้งาน ตัวอย่างเช่น หากไฟล์วิดีโออยู่ในรูปแบบที่ไม่ได้รับการสนับสนุนจากแพลตฟอร์ม อาจจำเป็นต้องแปลงไฟล์เป็นรูปแบบที่รองรับ เช่น .MP4, .MOV, หรือ .AVI

อีกเหตุผลหนึ่งที่มักทำการแปลงรหัสคือเพื่อลดขนาดไฟล์ การบีบอัดไฟล์วิดีโอหรือเสียงผ่านการแปลงรหัสช่วยให้ไฟล์มีขนาดเล็กลง ซึ่งเหมาะสำหรับการส่งไฟล์ผ่านอินเทอร์เน็ตหรือการสตรีมมิงที่ต้องการการโหลดไฟล์อย่างรวดเร็ว

กระบวนการแปลงรหัสทำงานอย่างไร?

การแปลงรหัสเกี่ยวข้องกับกระบวนการ 2 ขั้นตอนหลัก:

  1. การถอดรหัส (Decoding): ขั้นตอนนี้คือการแปลงข้อมูลดิจิทัลในไฟล์ต้นฉบับให้อยู่ในรูปแบบที่อ่านได้ เช่น การเปิดไฟล์วิดีโอจากรูปแบบที่บีบอัดไว้
  2. การเข้ารหัส (Encoding): หลังจากถอดรหัสแล้ว ข้อมูลจะถูกแปลงเป็นรูปแบบใหม่ที่กำหนดไว้ เช่น การเปลี่ยนจากไฟล์ .MKV ไปเป็น .MP4

ในกระบวนการนี้ ตัวแปลงรหัส (Codec) จะมีบทบาทสำคัญ Codec คือโปรแกรมหรืออัลกอริทึมที่ใช้สำหรับการบีบอัดและถอดรหัสข้อมูล ตัวอย่างของ Codec ที่เป็นที่รู้จักกันดี เช่น H.264, H.265 (HEVC), VP9, และ AV1

การแปลงรหัสแบบต่างๆ

  1. การแปลงรหัสโดยตรง (Direct Transcoding): กระบวนการที่เปลี่ยนแปลงเฉพาะรูปแบบของไฟล์ แต่ยังคงใช้ Codec เดิม เช่น การเปลี่ยนจากไฟล์ MP4 ที่ใช้ H.264 เป็น MKV ที่ยังคงใช้ H.264
  2. การแปลงรหัสใหม่ (Re-Encoding): กระบวนการที่ไม่เพียงแค่เปลี่ยนรูปแบบไฟล์ แต่ยังเปลี่ยน Codec ใหม่ด้วย เช่น การเปลี่ยนจาก H.264 เป็น H.265 ซึ่งมักช่วยให้ไฟล์มีคุณภาพใกล้เคียงเดิมแต่มีขนาดเล็กลง

การแปลงรหัสในอุตสาหกรรมต่างๆ

1. การตัดต่อวิดีโอ

การแปลงรหัสช่วยให้ผู้ตัดต่อสามารถทำงานร่วมกับไฟล์วิดีโอจากกล้องที่หลากหลาย ซึ่งมักบันทึกในรูปแบบไฟล์ที่แตกต่างกัน นอกจากนี้ยังช่วยให้การแปลงเป็นรูปแบบที่เหมาะสมสำหรับการส่งออก (Export) เช่น ไฟล์คุณภาพสูงสำหรับการฉายในโรงภาพยนตร์ หรือไฟล์ที่มีขนาดเล็กสำหรับการแชร์ออนไลน์

2. การสตรีมมิงออนไลน์

แพลตฟอร์มสตรีมมิง เช่น YouTube หรือ Netflix ใช้การแปลงรหัสเพื่อแปลงวิดีโอให้เป็นหลายความละเอียดและหลาย Codec เพื่อรองรับอุปกรณ์และความเร็วอินเทอร์เน็ตของผู้ใช้ที่แตกต่างกัน

3. เกมและแอปพลิเคชันมัลติมีเดีย

ในอุตสาหกรรมเกม การแปลงรหัสมีบทบาทในการสร้างไฟล์วิดีโอที่ใช้ในเกม เช่น คัตซีน (Cutscene) หรือการแสดงตัวอย่าง (Trailer) เพื่อให้ทำงานได้ราบรื่นในทุกแพลตฟอร์ม

ข้อดีและข้อเสียของการแปลงรหัส

ข้อดี:

  • รองรับการใช้งานกับอุปกรณ์หรือแพลตฟอร์มต่างๆ
  • ลดขนาดไฟล์เพื่อการจัดเก็บหรือส่งผ่านอินเทอร์เน็ต
  • ปรับปรุงคุณภาพเสียงหรือภาพผ่าน Codec ใหม่

ข้อเสีย:

  • อาจใช้เวลาในการแปลงรหัสนาน โดยเฉพาะสำหรับไฟล์ขนาดใหญ่
  • คุณภาพไฟล์อาจลดลงในบางกรณี โดยเฉพาะหากใช้การบีบอัดที่สูงเกินไป
  • ต้องใช้ทรัพยากรคอมพิวเตอร์สูง เช่น ซีพียูหรือการ์ดจอที่มีประสิทธิภาพ

ซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการแปลงรหัส

ซอฟต์แวร์และเครื่องมือที่นิยมสำหรับการแปลงรหัส เช่น:

  • HandBrake: โปรแกรมฟรีที่มีฟังก์ชันการแปลงรหัสครบถ้วน
  • Adobe Media Encoder: เครื่องมือมืออาชีพที่ใช้ในงานผลิตสื่อ
  • FFmpeg: เครื่องมือโอเพ่นซอร์สที่ทรงพลังและใช้งานได้หลากหลาย